Ultra Trail Laplae 2025 2025

UTLL70 ปางต้นผึ้น 70 คือระยะที่ไกลที่สุดของสนามอัลตร้าเทรลลับแล นักวิ่งจะพบกับ Signature ของสนามนี้แบบครบทุกจุด เราเชื่อว่านี่เป็นระยะที่เหมาะกับนักวิ่งที่กำลังมองหาสนามแรกที่จะขึ้นไปในระดับอัลตร้า หรือนำมาเป็นสนามซ้อมก่อนที่จะไประยะ 100 เพื่อที่จะประเมินแรงหรือข้อผิดพลาดต่างๆของการแข่งขัน ก่อนที่จะไป Race A ของคุณ เริ่มที่ จุด Start เฮือนลับแล เราจะวอร์มร่างกายเป็นระยะ 700 ม.ก่อนที่จะขึ้นทางชันที่ปากทางน้ำตกแม่พูล คุณจะไต่ไปบนหุบเขาที่เรียกว่าห้วยชมภู ทางค่อนข้างที่แคบและชัน (โปรดให้ทางคนที่เร็วกว่าคุณ) ในหน้าฝนทางอาจจะลื่นและอาจต้องข้ามลำธารเล็กๆในบางจุด แถบนี้ส่วนมากชาวสวนจะปลูกต้นลองกอง ท่านสามารถเด็ดกินสดๆได้จากบนต้น (กรุณาเด็ดพอประมาณ) เป็นทางระยะ 10 กม.กับความชันรวม 1,000 ม. นักวิ่งจะพบกับ CP1 ม่อนผักกูด ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของเขาลับแล หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “หลังคาเมืองลับแล” จาก CP1 คุณจะเดินทางบนสันเขา ผ่านสวนทุเรียนต่างๆ เป็นเส้นทางโรลลิ่งของถนนเส้นหลักผ่านจุดชมวิวห้วยเรือและจุดชมวิวเนินธงชาติ ซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถทำเวลาได้ เป็นระยะทางกว่า 10 กม. จะพบกับ CP2 โจ๊โก้เก๊าแก อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอก ก่อนจะถึง CP นี้ โปรดระมัดระวังเส้นทางที่ค่อนข้างแคบ แต่ความสวยงามคุ้มค่าที่เดินทางมาอย่างแน่นอน เราแนะนำให้คุณทานอาหารบน CP นี้ เติมน้ำเติมเกลือแร่ให้เต็มที่ พกขนมของทานเล่นให้พร้อม เพราะคุณจะต้องเดินทางไปอีกกว่า 13 กม.จนกว่าจะถึง CP ถัดไป จาก CP2 เส้นทางจากนี้เป็นโรลลิ่งขึ้นสลับลงไปตามทางบนสันเขา หากมีฝน ทางอาจลื่นบ้างในบางจุด เส้นทางไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย (หากเห็นโต๊ะน้ำระหว่างทางกรุณาเติมน้ำให้เต็ม) มุ่งหน้าตรงไปสู่หมู่บ้านที่อยู่ติดทางรถไฟ นั่นคือ CP3 บ้านหนองน้ำเขียว ใน CP ถัดไปนั้นจะมีแค่อาหารเบา เราแนะนำให้นักวิ่งทานอาหารที่ CP3 บ้านหนองน้ำเขียวให้เสร็จ เมื่อเดินทางออกจากที่นี่ นักวิ่งจะวิ่งเลียบไปกับทางรถไฟ (กรุณาระมัดระวังรถไฟก่อนข้ามทางและเวลาถ่ายรูปบนทางรถไฟ) หากมองเห็นอุโมงค์รถไฟปางตูบขอบจะเลี้ยวซ้ายลงไปยังสถานที่ Signature ของที่นี่ นั่นคืออุโมงค์น้ำ นักวิ่งต้องลอดอุโมงค์น้ำท้าทายความกล้า ความมืด ความแคบ และค้างคาว! เป็นความยาวกว่า 50 ม. (ที่อุโมงค์เราจะมีทีมงานเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย) เมื่อออกมาจากอุโมงค์น้ำได้ซักระยะ นักวิ่งจะพบกับทางรถไฟกลับหัว หนึ่งเดียวในประเทศไทย นั่นคือสะพานรวงผึ้ง เส้นทางแถบนี้เป็นถนนดินเป็นระยะทาง 7 กม. จะถึงสถานีรถไฟ นั่นคือ WS1 สถานีรถไฟปางต้นผึ้ง ที่ WS1 นักวิ่งผ่านการเดินทางมาได้ 41 กม. กับความชันสะสม 1,700 ม. โปรดจำไว้ว่าคุณยังเหลืออีก 30 กม. เราแนะนำคำนวณเวลาคัทออฟให้ดี และทำความเร็วแถบนี้เพราะเป็นถนนเส้นหลักของชาวสวน เพราะเมื่อนักวิ่งเดินทางไปอีก 10 กม.ถึง CP4 นานกกก นักวิ่งจะต้องเริ่มขึ้นเขานานกกกอีกรอบ เขานานกกกมีภูมิประเทศที่สวยงาม เต็มไปด้วยสวนผลไม้นานาพันธ์ เป็นระยะทางกว่า 11 กม.ความชันรวม 500 ขึ้นสุดลงสุด ก่อนไปถึง CP สุดท้ายนักวิ่งจะดาวน์ฮิลลงไปสู่ถนนผามูบ เมื่อเห็นป้าย CP โปรดระมัดระวังรถก่อนที่จะข้ามถนน นักวิ่งจะเจอกับ CP5 สวนหลงลุง ซึ่งเป็น CP สุดท้ายของสนาม ที่นี่มีลำธารให้แช่ขาเล่น (หากมีเวลาเหลือ) มีอาหารทำสด โปรดดื่มด่ำผ่อนคลายไปกับบรรยากาศของ CP สุดท้าย เพราะหากนักวิ่งออกจาก CP นี้แล้ว นักวิ่งข้ามเขาน้ำตกที่สูงชันลูกสุดท้าย เป็นระยะ 8 กม.จนกว่าถึงเส้นชัย หากท่านมาถึงจุดนี้ โปรดประเมินร่างกายของคุณให้ดี หากมีอาการตะคริว เราแนะนำว่าอย่าฝืนออกจาก CP5 เพราะเขาน้ำตกในบางจุดนั้นสูงชัน แต่ถ้าคุณยังมีใจนักสู้ เราก็ขอเชียร์คุณสุดใจ ในเส้นทางนี้นักวิ่งจะรู้ได้ด้วยตนเองว่าจุดไหนคือ Last Boss ของเส้นทางนี้ ขอให้ใช้ความระมัดระวัง แม้นักวิ่งจะขึ้นไปบนยอดสุดแล้วแต่ทางลงนั้นก็ชันไม่ต่างกัน ใน 2 กม.สุดท้ายนั้นจะเป็นดาวน์ฮิลอย่างเดียว ก็จะถึง จุด Finish เฮือนลับแล จุดนี้คุณจะกลายเป็นผู้พิชิตเขาลับแลและเมื่อหยิบอาหารไปทานจุกๆแล้ว อย่าลืมลงไปแช่ขาพร้อมจิบเบียร์เพื่อซึมซับบรรยากาศสุดท้ายของงานก่อนจะกลับที่พัก (ขอให้นักวิ่งชั่งใจระหว่างเบียร์ หรือ ทุเรียน เพราะเราไม่แนะนำให้กินทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน...) ระดับความยากของเส้นทาง : ง่ายถึงปานกลาง หากฝนตกจะเพิ่มระดับความยากมากขึ้น มีช่วงที่เป็นถนนเพื่อลดภาระร่างกาย ความยากเทียบสนาม : HMONG50 , MUSER68 ข้อควรระวังและแนะนำ : Speed Trail , เวลาคัทออฟที่กระชั้นชิด ,ความชันในเส้นทางสุดท้าย Pang Ton Phueng 70 is the longest distance of the Ultra Trail Laplae course. Runners will encounter every signature point of this course. We believe this is a suitable distance for runners looking for their first ultra-level race or as a training ground before progressing to the 100 km race to assess their strength and identify any mistakes before their Race A. Starting at the Start Point at Huen Laplae, we will warm up with a 700-meter stretch before ascending the steep path at the entrance of Mae Phun Waterfall. You will climb onto a mountain called Huai Chomphu. The path is quite narrow and steep (please give way to faster runners). During the rainy season, the path may be slippery, and you may have to cross small streams in some places. In this area, most gardeners grow Longkong trees, and you can pick and eat them fresh from the tree (please pick only a reasonable amount). It is a 10 km path with a total elevation gain of 1,000 meters. Runners will reach CP1 Mon Pak Kood, the highest viewpoint of Khao Laplae, also known locally as the "Roof of Laplae." From CP1, you will travel along the ridgeline, passing various durian orchards. It's a rolling route of the main road, passing Huai Ruea Viewpoint and Thai Flag Hill Viewpoint, where you can make good time. After about 10 km, you'll reach CP2 Joko Gao Ke, another sea mist viewpoint. Before reaching this CP, be careful of the narrow path, but the beauty is well worth the journey. We recommend you eat at this CP, refill your water and electrolytes, and carry snacks, as you will travel another 13 km to the next CP. From CP2, the path rolls up and down along the ridgeline. If it rains, the path may be slippery in some places. The path is not difficult but not easy either (if you see a water table along the way, please fill your water bottle). Head straight towards the village near the railway track, which is CP3 Ban Nong Nam Khiao. The next CP will have only light food. We recommend runners finish their meal at CP3 Ban Nong Nam Khiao. After leaving here, runners will run alongside the railway track (please be careful of the train before crossing and when taking pictures on the railway). If you see the Pang Tub Kob Railway Tunnel, turn left down to the signature spot of this place, the Water Tunnel. Runners must pass through this water tunnel, which challenges courage, darkness, narrowness, and bats!, spanning over 50 meters (we will have staff to check safety at the tunnel). After exiting the water tunnel, you will see the only inverted railway in Thailand, Ruang Phueng Bridge. This area is a dirt road for about 7 km leading to the train station, which is WS1 Pang Ton Phueng Train Station. At WS1, runners have covered 41 km with an accumulated elevation of 1,700 meters. Remember, you still have 30 km to go. We recommend calculating the cutoff time carefully and making good time in this area as it's the main road for gardeners. After running another 10 km to CP4 Na Nok Kok, runners will start climbing up Nan Kok Kok Hill again. Na Nok Kok hill has beautiful terrain filled with various fruit orchards, spanning over 11 km with a total elevation gain of 500 meters, reaching the highest point before descending to the Pha Mub Road. When you see the CP sign, be careful of vehicles before crossing the road. You'll find CP5 Suan Lhong Loong, the last CP of the course. Here, you can soak your feet in the stream if you have time. Freshly prepared food is available. Enjoy and relax in the final CP's atmosphere. After leaving this CP, runners will cross the steep waterfall hill, which spans 8 km until the finish line. If you reach this point, assess your body's condition carefully. If you experience cramps, we advise you not to leave CP5. The waterfall hill is steep in some parts. But if you still have a fighting spirit, we cheer you on wholeheartedly. On this path, runners will know which point is the Last Boss of this course. Use caution, as the descent is as steep as the ascent. In the last 2 km, it will be all downhill until you reach the Finish Line at Huan Laplae. At this point, you will become a conqueror of Khao Laplae. Once you grab some food to eat, don't forget to soak your legs and sip beer to absorb the final atmosphere of the event before heading back to your accommodation. (Runners should decide between beer or durian, as we do not recommend consuming both at the same time.) Difficulty level: Easy to moderate. If it rains, the difficulty will increase significantly. There are sections of road to reduce the burden on the body. Comparable difficulty: HMONG50, MUSER68. Caution and recommendations: Speed Trail, tight cut-off time, Steep sections in the final part